เมื่อวันที่12พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังทหารตำรวจและชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบค่ายกักกันชาวโรฮิงยาแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแก้วชายแดนไทยมาเลเซีย หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจากจุดที่พบค่ายกักกันและสุสานฝังศพแห่งแรกประมาณ3 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากหลักเขตรอยต่อระหว่างจ.สงขลากับจ.สตูลประมาณ1 กิโลเมตรต้องใช้เวลาในการเดินทางขึ้นไปกว่า 1 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบพบว่าค่ายกักกันแห่งนี้น่าจะใหญ่ที่สุดบนยอดเขาแก้ว จุคนได้กว่า1,000 คนหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบ มีเนื้อที่ประมาณ3 ไร่ ประกอบด้วยเรือนนอน 21 หลัง ห้องน้ำ 8 หลัง หอสังเกตการณ์ 2 หลัง โรงครัว4 หลัง และโรงเรือนที่ยังสร้างไม่เสร็จอีก1 หลัง ซึ่งสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดถูกสร้างขึ้นอย่างดีด้วยไม้และเป็นโรงเรือนยกพื้นหลังคามุงด้วยผ้ายางเป็นลักษณะค่ายกักกันถาวรสภาพไม้ยังใหม่ถูกสร้างขึ้นมาไม่เกิน1 ปี แตกต่างจากค่ายอื่นๆที่ปลูกสร้างบนดิน
นอกจากนี้ยังพบข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าอยู่ภายในค่ายกักกันคาดว่าน่าจะเพิ่งเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงยาข้ามแดนไปยังฝั่งมาเลเซียไม่นาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักที่พบภายในค่ายไปตรวจพิสูจน์และเก็บดีเอ็นเอเพื่อเป็นหลักฐานเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายค้ามนุษย์
และนอกจากค่ายกักกันแห่งนี้แล้วในบริเวณยอดเขาแก้วยังพบค่ายกักกันขนาดเล็กอีก3 แห่งด้วยซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน นอกจากนี้พบว่าในฝั่งมาเลเซียยังมีค่ายกักกันอีก3 แห่งด้วยซึ่งอยู่ในฝั่งรัฐเปอร์ลิสเพื่อรับช่วงต่อจากฝั่งไทย
ที่มา : khaosod.co.th