MISORA Sushi Bar & Bistro ตั้งอยู่ในโครงการ Think Park อยู่ด้านหลังร้าน Local cafe เลย (หาง่ายมั่กๆ) เพื่อนๆ สามารถเข้าไปจอดรถฝั่งตรงข้ามของโครงการแล้วนำบัตรจอดรถมาประทับตราที่ร้าน แค่นี้ก็จอดฟรีสบายๆ ไม่ต้องไปวนหาที่จอดให้มันเมื่อย ร้านนี้จะเปิดเป็น 2 ช่วง คือตั้งแต่เวลา 11.30-14.00 น. และ 17.00 -22.00 น.
แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของอาหารญี่ปุ่นคือความสด วัตถุดิบทุกชนิดของทางร้านจึงไม่ผ่านการแช่แข็ง ปลาแซลมอนของทางร้านสั่งมาเป็นตัวๆ เท่านั้น แล้วให้เชฟขึ้นกันเองสดๆ ส่วนปลาฮามาจิทางร้านก็ใช้ของนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นประกอบกับฝีมือการปรุงโดยเชฟมากประสบการณ์ที่ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นส่วนเล็กๆ น้อยๆ บนจาน รวมถึงการตกแต่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่รสชาติใกล้เคียงต้นตำรับมากที่สุด
แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของอาหารญี่ปุ่นคือความสด วัตถุดิบทุกชนิดของทางร้านจึงไม่ผ่านการแช่แข็ง ปลาแซลมอนของทางร้านสั่งมาเป็นตัวๆ เท่านั้น แล้วให้เชฟขึ้นกันเองสดๆ ส่วนปลาฮามาจิทางร้านก็ใช้ของนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นประกอบกับฝีมือการปรุงโดยเชฟมากประสบการณ์ที่ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นส่วนเล็กๆ น้อยๆ บนจาน รวมถึงการตกแต่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่รสชาติใกล้เคียงต้นตำรับมากที่สุด
ทางร้านให้บริการเมนูหลากหลายประเภท ตั้งแต่ ครัวซูชิ, ครัวร้อน, สลัด ของทานเล่น หรือแม้แต่เมนูประเภทปิ้งย่าง เรียกได้ว่าเหมาะสมครบครัน จะพาครอบครัว, เพื่อน, คู่รัก มานั่งรับประทานอาหารด้วยกันก็เหมาะสำหรับทุกๆ โอกาส และที่ดูโดดเด่นสุดๆ ก็คือเจ้าซูชิคำโตที่หลายคนดูราคาอาจสงสัยว่าทำไมแพงจัง แต่เปล่าเลย ลองสั่งมาทานสิ เพราะทางร้านเขาเสิร์ฟมาแบบชิ้นโต อวบอูมเต็มคำ ไม่กั๊กวัตถุดิบ ปลานี่แล่มาแบบหนาๆ ให้ได้ฟินกันแบบคำใหญ่ๆ
เริ่มด้วยคำแรกที่มีความคาวน้อยที่สุดกับ “Engawa" (ราคา 90 บาท)” เอ็นกาวะหรือครีบปลาตาเดียวสีขาวนวลชิ้นใหญ่ และยาวพอดีคำ ถูกนำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้น้ำมันละลายออกมาเพื่อเพิ่มความหอมมากยิ่งขึ้น เวลาทานแล้วได้รสชาติที่เค็มๆ มันๆ แถมยังสัมผัสได้ถึงความสดของเนื้อปลา ตัดด้วยรสเปรี้ยวของมะนาวฝานบางๆ ต่อกันด้วย "Hotate" (ราคา 140 บาท) ซูชิหอยเชลล์สดตัวใหญ่ไร้กลิ่นคาว ที่นุ่มหนึบเคี้ยวอร่อย ที่แปลกคือเทคนิคการหั่น คือเชฟไม่ได้หั่นแผ่ให้โฮตาเตะดูมีขนาดใหญ่ แต่หั่นเฉือนให้มีด้านหนึ่งที่หนาทำให้เมื่อเคี้ยวจะได้ลิ้มรสความหวานของเนื้อได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งจะได้รสชาติของเกลือญี่ปุ่นนิดนึง เพื่อเรียกความหวานในตัวหอยเชลล์ให้มีรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องจิ้มโชยุ
และที่ต้องขอ recommend จริงๆ ก็คือตัว ”Botan Ebi” (ราคา 200 บาท) กุ้งหวานโบตั๋นจากทะเลน้ำลึกของประเทศญี่ปุ่น มีรสชาติหวานเฉพาะตัว เนื้อแน่นกรอบ ท็อปปิ้งด้วย Black Ebiko (ไข่่กุ้งสีดำ) บนตัวกุ้งให้ความอร่อยสุดใจ และ"Foiegras Sushi" (ราคา 200บาท) ซูชิฟรัวกราส์ เลือกใช้ฟรัวการส์เกรดพรีเมียม ที่นำไปเบิร์นไฟ แล้วทาด้วยซอสเทริยากิสูตรพิเศษที่เชฟเคี่ยวเองสดๆ จนได้รสชาติที่หวานมันกรอบนอกนุ่มใน ละลายในปากชุ่มลิ้น
ยังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกทานกันที่ร้าน MISORA Sushi Bar & Bistro และโปรโมชั่นโดนๆ ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ลิ้มลองในทุกๆ 15 วัน โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของทางร้าน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/misorasushibar หรือโทร. 089-6319244, 085-4936245
แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของอาหารญี่ปุ่นคือความสด วัตถุดิบทุกชนิดของทางร้านจึงไม่ผ่านการแช่แข็ง ปลาแซลมอนของทางร้านสั่งมาเป็นตัวๆ เท่านั้น แล้วให้เชฟขึ้นกันเองสดๆ ส่วนปลาฮามาจิทางร้านก็ใช้ของนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นประกอบกับฝีมือการปรุงโดยเชฟมากประสบการณ์ที่ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นส่วนเล็กๆ น้อยๆ บนจาน รวมถึงการตกแต่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่รสชาติใกล้เคียงต้นตำรับมากที่สุด
ทางร้านให้บริการเมนูหลากหลายประเภท ตั้งแต่ ครัวซูชิ, ครัวร้อน, สลัด ของทานเล่น หรือแม้แต่เมนูประเภทปิ้งย่าง เรียกได้ว่าเหมาะสมครบครัน จะพาครอบครัว, เพื่อน, คู่รัก มานั่งรับประทานอาหารด้วยกันก็เหมาะสำหรับทุกๆ โอกาส และที่ดูโดดเด่นสุดๆ ก็คือเจ้าซูชิคำโตที่หลายคนดูราคาอาจสงสัยว่าทำไมแพงจัง แต่เปล่าเลย ลองสั่งมาทานสิ เพราะทางร้านเขาเสิร์ฟมาแบบชิ้นโต อวบอูมเต็มคำ ไม่กั๊กวัตถุดิบ ปลานี่แล่มาแบบหนาๆ ให้ได้ฟินกันแบบคำใหญ่ๆ
ยังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกทานกันที่ร้าน MISORA Sushi Bar & Bistro และโปรโมชั่นโดนๆ ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ลิ้มลองในทุกๆ 15 วัน โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของทางร้าน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/misorasushibar หรือโทร. 089-6319244, 085-4936245