วันนี้ (14 พ.ค.) การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.เป็นประธานในการประชุม ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.... เป็นวาระที่ 2 และ 3 โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งมีนายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีการยุบเลิก 3 หน่วยงานเดิม คือ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) และสถาบันวิจัยยาง แล้วโอนภารกิจของหน่วยงานที่ถูกยกเลิกทั้งสามมาเป็น “การยางแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “กยท.” ให้เป็นองค์กรนิติบุคคล และเป็นองค์กรกลางรับผิดชอบดูแลบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางให้ดีขึ้น เพื่อความเป็นเอกภาพของการทำงาน นอกจากนี้ ได้กำหนดให้จัดตั้งคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทย มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลกิจการของ กยท. รวมไปถึงการจัดตั้งกองทุนพัฒนายางพารา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนายางพารา
ในการแก้ไขของกรรมาธิการในวาระ 2 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง การเพิ่มคณะกรรมการยางผู้ทรงคุณวุฒิเป็น 7 คน โดยมีผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง 3 คน ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง 2 คน ผู้แทนผู้ประกอบกิจการยางซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการค้า 1 คน และผู้แทนผู้ประกอบกิจการยางซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอุตสาหกรรมยาง 1 คน การเพิ่มรายละเอียดการจัดสรรเงินจากกองทุนพัฒนายางพาราให้ชัดเจนขึ้น จากนั้นสมาชิก สนช.เห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการ และได้มีการลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 183 ต่อ 1 งดออกเสียง 3 ให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
หลังการลงมติ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมาธิการกล่าวว่า ในฐานะตัวแทนเกษตรกร กฎหมายนี้มีสำคัญเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนหลายล้านคน เพราะถ้าร่างไม่ดีจะเป็นซาตานทำร้ายประเทศ ขอขอบคุณสมาชิก สนช.ทุกคนที่สร้างคุณูปการให้กับชาวสวนยางทั่วประเทศที่สามารถปรับปรุงร่างจากซาตานให้กลายเทพบุตร
ที่มา : manager.co.th