ตอบทุกการค้นหา
ข้อมูลที่มีประโยชน์
เติมสุข เติมรอยยิ้ม

 


Home » » มาแล้ว! มือถือที่ทุกคนรอคอย รีวิว ZenFone 2 แรม 4 จิ๊กเครื่องแรกของโลก ในราคาที่...

มาแล้ว! มือถือที่ทุกคนรอคอย รีวิว ZenFone 2 แรม 4 จิ๊กเครื่องแรกของโลก ในราคาที่...




Asus ZenFone 2 สมาร์ทโฟนที่รุ่นแรกของโลกที่เปิดตัวมาพร้อมกับแรมมากถึง 4GB มีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว IPS Full HD และกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีโหมดโปรสำหรับค่ากล้องได้เองด้วย



สรุปข้อมูลและสเปค Asus ZenFone 2 ZE551ML (Z00AD)

รองรับ 2 ซิม (Micro SIM + Nano SIM) 2G, 3G, 4G

ขนาดตัวเครื่อง 152.5 x 77.2 x 10.9 มม.

น้ำหนัก 170 กรัม

หน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว IPS ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล

ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop

ชิปเซ็ต Intel Atom Z3580

ซีพียู Quad-core 2.3 GHz

กราฟิก (GPU) PowerVR G6430

หน่วยความจำ RAM 4 GB

หน่วยความจำ ROM 32/64 GB เพิ่มความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 64 GB

กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล แฟลช Dual LED Z (Dual Tone)

กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล

รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0, NFC

แบตเตอรี่ Li-Poly ขนาดความจุ 3,000 mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)



แกะกล่อง Asus ZenFone 2 ZE551ML

อุปกรณ์ภายในกล่อง ได้แก่

ตัวเครื่อง ZenFone 2 พร้อมแบตเตอรี่ในตัว

อะแดปเตอร์ขากลม

สาย USB

หูฟัง

คู่มือการใช้งาน


ตัวเครื่อง ดีไซน์ หน้าจอแสดงผล



Asus ZenFone 2 มีดีไซน์ออกแนวสปอร์ต ด้วยขนาดตัวเครื่อง 152.5 x 77.2 x 10.9 มม. พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ประมาณ 403 พิกเซลต่อนิ้ว เป็นจอแบบ IPS TFT น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 170 กรัม ซึ่งด้านหลังเครื่องมีการดีไซน์ให้โค้งเว้าจับถนัดมือ โดยคงความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีแห่ง Zen ด้วย Concentric-circle วงกลมที่สะท้อนเข้าหาศูนย์กลางบริเวณขอบด้านล่างหน้าจอและปุ่มกด



หน้าจอของ ZenFone 2 ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3 ช่วยปกป้องหน้าจอจากการกระแทกและการขีดข่วน หน้าจอมีขนาดใหญ่ประมาณ 70% ของตัวเครื่อง จึงทำให้ขอบจอไม่ได้หนาจนเกินไป โดยบริเวณเหนือหน้าจอจะมีช่องลำโพงสำหรับเสียงสนทนา, เลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ไฟ LED แจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ, เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงปรับความสว่างอัตโนมัติ และเซ็นเซอร์เปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา



ถัดลงมาด้านล่างหน้าจอมีปุ่มนำทางแบบสัมผัส 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps ซึ่งปุ่มนำทางทั้ง 3 ไม่มีไฟส่องสว่าง ทำให้มองไม่เห็นในที่มืด นอกจากนี้ยังเหลือขอบที่ดีไซน์ลวดลายที่เรียกว่า Concentric-circle มีลักษณะลวดลายแบบวงกลมที่สะท้อนเข้าหาศูนย์กลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Zen




ขอบด้านบนตัวเครื่องมีปุ่มปิด/เปิดเครื่องหรือปิด/เปิดหน้าจอ ซึ่งมีดีไซน์ Concentric-circle, ช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน




ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีช่องสำหรับเชื่อมต่อขนาด micro USB เพื่อชาร์จไฟแบตเตอรี่หรือถ่ายโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ และไมโครโฟนเสียงสนทนา




ขอบด้านข้างซ้ายและขวาของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใด ๆ ซึ่งมีการดีไซน์ให้ขอบโค้งมน และโค้งเว้าไปด้านหลังตัวเครื่อง



ด้านหลังตัวเครื่องมีลวดลายที่เรียกว่า Brushed-metal ซึ่งเป็นการเพิ่มความหรูหราให้พลาสติกดูคล้ายกับเป็นโลหะ มีไฟแฟลช Dual LED เป็นแฟลช 2 สีหรือที่เรียกกันว่า True Tone, เลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และปุ่มปรับระดับเสียงที่มีลวดลายแบบ Concentric-circle





บริเวณส่วนล่างของด้านหลังจะมีช่องสำหรับเสียงลำโพง




ฝาหลังสามารถแกะเปิดได้ ภายในจะมีช่องใส่ซิมขนาด Micro SIM จำนวน 2 ซ่อง โดยช่องซิม 1 จะรองรับทั้ง 2G, 3G, 4G ส่วนช่องซิม 2 จะรองรับเครือข่าย 2G และช่องใส่ microSD รองรับความจุสูงสุด 64GB ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ฝังอยู่กับตัวเครื่อง ไม่สามารถแกะได้



อินเตอร์เฟซและการใช้งาน










Asus ZenFone 2 ที่ใช้ในการรีวิวนี้เป็นรุ่น ZE551ML (Z00AD) ความจำภายในตัวเครื่อง 32GB กับแรม 4GB รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop และครอบทับด้วย Asus ZenUI เวอร์ชั่นล่าสุด รองรับการแจ้งเตือนในหน้าล็อคสกรีน ปลดล็อคหน้าจอด้วยการปัดขึ้นเพื่อเข้าสู่หลักหรือหน้าโฮม นอกจากนี้ยังสามารถแตะที่ไอคอนกล้อง ไอคอนโทร และไอคอนข้อความ เพื่อปลดล็อคเข้าใช้งานแอพนั้น ๆ ได้ทันที



เมื่อแตะค้างที่บริเวณพื้นที่ว่างบนหน้าโฮมจะเข้าสู่การจัดการหน้าโฮม เช่น การเพิ่มหน้าโฮม, เปลี่ยนภาดวอลเปเปอร์, เปลี่ยนไอคอนระบบ, เลือกเอฟเฟ็กต์การเลื่อนหน้าจอ และเปลี่ยนธีมการใช้งาน เป็นต้น




ในส่วนของ App Drawer จะเรียงกันแบบ 4 x 4 แถว สามารถแตะค้างที่ไอคอนแอพพลิเคชั่นเพื่อลากไปไว้ในหน้าโฮม, รวมกันเป็นโฟลเดอร์หรือลากเพื่อถอนการติดตั้งก็ได้ ยกเว้นแอพพลิเคชั่นระบบจะไม่สามารถถอนการติดตั้งได้




เมื่อลากแถบ Status bar ด้านบนลงมาจะแสดงรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และเมื่อแตะเพื่อปัดลากลงมาอีกครั้งจะแสดงในส่วนของ Control panel ซึ่งสามารถปรับแต่งและเลือกเมนูการใช้งานเองได้




ZenFone 2 มีโหลดการใช้งานได้เลือกใช้อีกหนึ่งโหมด นั่นก็คือ โหมดง่าย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยไอคอนที่ใหญ่กว่า และไม่ซับซ้อน




ZenMotion เป็นส่วนของการตั้งค่าการใช้งานด้วยท่าทาง ได้แก่ Touch Gestures และ Motion Gestures






Touch Gestures เป็นการสั่งงานด้วยท่าทางที่ต้องสัมผัสหน้าจอ ได้แก่ การเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอหรือปิดหน้าจอ และการวาดตัวอักษรบนหน้าจอขณะหน้าจอปิดอยู่เพื่อเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น วาดตัว W เพื่อเรียกใช้งานเบราว์เซอร์ เป็นต้น ซึ่งสามารถกำหนดเองได้ว่าแต่ละตัวอักษรจะให้เรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นใด

Motion Gestures เป็นการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว ซึ่งตอนนี้มีเพียงฟีเจอร์เดียวคือ การเขย่าเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ






การเชื่อมต่อ

Asus ZenFone 2 ZE551ML รองรับ Quad-band 2G, GPRS, EDGE ทั้ง 2 ซิม โดยซิม 1 จะรองรับ 3G และ 4G LTE, รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac สามารถใช้งาน Wi-Fi Direct และเป็นจุดกระจายสัญญาณ Hotspot สำหรับ 3G รองรับความเร็ว 42.2/5.76 Mbps และ LTE Cat4 ความเร็ว 150/50 Mbps


ในส่วนของการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 รองรับ A2DP หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการส่งผ่านข้อมูลเสียงในแบบสเตอริโอนั่นเอง นอกจากนี้ก็มี GPS รองรับ A-GPS และ GLONASS อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี NFC ด้วย







แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน


ZenFone 2 มีแบตเตอรี่ 3,000 mAh สามารถใช้ฟังก์ชั่นการตรวจจับแอพพลิเคชั่นที่ใช้แบตเตอรี่มากได้ เพื่อปิดการใช้งานเมื่อต้องการประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงานให้เลือกใช้ทั้ง 3 โหมด ได้แก่ โหมดประหยัดพลังงานพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้นโดยการปิดการทำงานเบื้องหลังของแอพพลิเคชั่นหากไม่มีการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นนั้น

โหมดที่ดีที่สุด โหมดนี้ระบบจะมีการปรับการใช้งานให้อัตโนมัติ ซึ่งยังคงเปิดการทำงานของแอพพลิเคชั่นเบื้องหลัง และการใช้งานการแจ้งเตือนได้ปกติ ส่วนโหมดกำหนดเอง จะเป็นโหมดตัวเลือกที่ให้ผู้ใช้งานกำหนดค่าการประหยัดพลังงานตามการใช้งาน





ประสิทธิภาพการทำงาน


Asus ZenFone 2 ZE551ML ที่ใช้งานการรีวิวนี้เป็นรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Intel Atom Z3580 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop มีซีพียูแบบ Quad-core 2.3 GHz กับจีพียู PowerVR G6430 และแรม 4 GB


ผลทดสอบคะแนน Benchmark

AnTuTu Benchmark ได้ 45,386 คะแนน

Quadrant Standard ได้ 20,396 คะแนน





ผลทดสอบคะแนนจาก Geekbench 3

Single-core ทำได้ 864 คะแนน

Multi-core ทำได้ 1,859 คะแนน





ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช

Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้

Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ

Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม

Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง

Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก

รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด





กล้องถ่ายรูป

Asus Zenfone 2 ZE551ML มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล อัตราส่วนภาพ 4:3 ขนาดภาพ 4,096 x 3,072 พิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 และแฟลชแบบคู่ (Dual LED) สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อย ซึ่งเป็นแฟลช 2 โทนสี (Dual tone) ช่วยให้ภาพที่ได้สมจริงมากขึ้น




การกดถ่ายรูปหรือชัตเตอร์สามารถทำได้ด้วยการแตะบนหน้าจอหรือตั้งค่าให้ใช้ปุ่มลดเสียงสำหรับกดชัตเตอร์ได้ นอกจากนี้ปุ่มปรับระดับเสียงยังสามารถตั้งให้เป็นปุ่มกดสำหรับซูมภาพได้อีกด้วย ตัวกล้องมาพร้อมโหมดการถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ รวมถึงโหมดถ่ายภาพกลางคืน, พาโนรามา และ HDR เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกโหมดถ่ายทันได้ ไม่ต้องกดหนดค่าใด ๆ


ในขณะที่โหมดกำหนดเอง หรือ Manual Mode สามารถกำหนดค่า White balance, ISO, EV และความเร็วชัตเตอร์ แต่น่าเสียดายที่ความเร็วชัตเตอรี่นั้นปรับได้นานสุดเพียง 1/2 วินาที


ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดเพิ่มความสวยงาม เอาใจคนรักเซลฟี่ และยังเอาใจคนชอบเซลฟี่เป็นกลุ่มด้วยโหมดเซลฟี่พาโนรามา


สรุปจุดเด่น

หน้าจอ 5.5 นิ้ว IPS Full HD

ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop

หน่วยประมวลผล Intel Atom Z3580 Quad-core 2.3 GHz กับแรม 4GB

กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลมีแฟลช Dual LED พร้อมโหมดโปรสำหรับปรับตั้งค่ากล้องได้เอง และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล

รองรับการใช้งาน 2 ซิม และใช้งาน 4G LTE ในไทยได้

รองรับเทคโนโลยี NFC

เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 64GB

แบตเตอรี่ 3,000 mAh

จุดสังเกตเพิ่มเติม


แม้ฝาหลังจะเปิดออกได้ แต่แบตเตอรี่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้

ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก มีน้ำหนักอยู่ที่ 170 กรัม

ชื่อรุ่นเดียวกัน แต่มีสเปคตัวเครื่องที่หลากหลายโมเดล ทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสนได้


ที่มา http://www.iphone-droid.net/asus-zenfone-2-review/
SHARE